หลักการเลือกใช้งานตัวต้านทาน
การเลือกใช้ R มีรายละเอียดหลายข้อที่ต้องพิจารณา ให้เช็คหัวข้อต่างๆด้านล่างว่าวงจรที่กำลังการวัดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ( ภาษาอังกฤษ )
Check electronic devices with multimeter ( English )
บทความภาษาอังกฤษ อ่านที่ > https://testmultimeter.com/
Read here > https://testmultimeter.com/
ให้เช็คหัวข้อต่างๆต่อไปนี้ว่ าวงจรที่ออกแบบหรือซ่อมอยู่ต้ องการ R ที่มีคุณสมบัติอะไรบ้าง ?
1) สัญญาณรบกวน ( Noise ) วงจรที่ไวต่อสัญญาณรบกวนเช่น วงจรขยายที่มีอัตราขยายสูง ( สัญญาณรบกวนจะถูกขยายไปด้วย) วงจรระบบสื่อสาร วงจรขยายสัญญาณขนาดเล็ก ( Low level signal) เป็นต้น วงจรเหล่านี้ต้องใช้ R ที่มีสัญญาณรบกวนต่ำ ตัวต้านทานที่กำเนิดสั ญญาณรบกวนต่ำเรียงจากดีมากไปน้อยเรียงเป็ นลำดับคือ ตัวต้านทานชนิดไวร์วาวด์ ตัวต้านทานชนิด Metal Foil และตัวต้านทานชนิด Thin Film ส่วนตัวต้านทานที่มีสั ญญาณรบกวนสูงคือตัวต้านทานชนิ ดผงคาร์บอน ตัวต้านทานชนิดคาร์บอนฟิล์ม และตัวต้านทานชนิด Thick Film รวมถึงตัวต้านทานชนิด Metal Oxide Film ก็มีสัญญาณรบกวนสูงกว่าชนิดเมตัลฟิล์ม การติดตั้งอุปกรณ์ก็มีผลต่อสั ญญาณรบกวน ควรวางตำเหน่ง R ให้ห่างจากแหล่งความร้อนเพื่ อลดสัญญาณรบกวนชนิด Thermal Noise เนื่องจากยิ่งอุณหภูมิเพิ่มขึ้ น สัญญาณรบกวนชนิด Thermal Noise จะสูงตามไปด้วย
2) ความถี่และการตอบสนองความถี่ ตัวต้านทานในโลกแห่งความเป็นจริ งจะไม่ใช่ตัวต้านทานที่มี เฉพาะความต้านทานล้วนๆ ( Pure Resistance ) แต่จะมีตัวเหนี่ยวนำแฝงและตั วเก็บประจุแฝงในตัว R ด้วย ยกตัวอย่างให้เห็นภาพตัวต้ านทานชนิดไวร์วาวด์ส่วนขาที่เป็ นเส้นลวดและขดลวดที่ขดจะก่อตั วเป็นตัวเหนี่ยวนำ และตัวนำ 2 ตัวหรือมากกว่าที่วางไว้ใกล้กั นจะก่อตัวเป็นตัวเก็บประจุ วงจรไฟ DC จะไม่ได้รับผลกระทบแต่ วงจรความถี่สูงและวงจรสัญญาณพั ลส์จะได้รับผลกระทบ ทำให้รูปคลื่นเพี้ยน เกิดการหน่วงของสัญญาณและเกิ ดการสูญเสียที่ความถี่สู งตามสมการ XL = 2πFL ยิ่งความถี่สูงยิ่งเกิดการสู ญเสีย ตัวต้านทานชนิดเมตัลฟิล์มสามาร ถใช้กับความถี่สูงได้ถึง 100MHz ขณะที่ตัวต้านทานชนิดคาร์บอนฟิล์ ม ตัวต้านทานชนิดไวร์วาวด์มาตรฐาน และตัวต้านทานชนิด Foil ใช้งานกับความถี่สูงไม่ได้เนื่อ งจากมี Equivalent series Inductance (ESL) มีค่าสูงระดับ uH ส่วนตัวต้านทานชนิด Metal Oxide มีค่าระดับ nH และชนิดเมตัลฟิล์มมีค่าน้อยกว่า 2nH ซึ่งชนิดเมตัลฟิล์มนี้ใช้กับความถี่สูงได้ 100MhZ ตัวต้านทานไวร์วาวด์มาตรฐานใช้กั บความถี่ได้สูงสุดแค่ประมาณ 50KHZ ถ้าต้องการใช้งานที่ความถี่สูงก ว่านี้ต้องใช้ตัวต้านทานไวร์วาว ด์ชนิด NON-Inductive และ Low Reactance ซึ่งจะใช้เทคนิคการผลิต /พันเส้นลวดเพื่อให้มีค่า ESL และค่าตัวเก็บประจุแฝง ( Parasitic Capacitance : Cp) ต่ำ วงจรความถี่สูงและวงจร High speed / Response Time ต้องพิจารณาเลือกใช้ R ที่สูญเสียน้อยที่สุ ดและตอบสนองรูปคลื่นสัญญาณไม่ เพี้ยน
3) แรงดัน ในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ จะใช้ไฟมาตรฐาน 5VDC 9VDC 12VDC 24VDC ค่าทนแรงดันไฟฟ้าจึงไม่ได้พิ จารณามากนักเนื่องจากแรงดั นในวงจรยังห่างมากจากแรงดันที่ R ทนได้ ส่วนใหญ่ในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ จะพิจารณาค่าความต้านทานและกำลั งไฟฟ้าหรือวัตต์ของ R เป็นหลัก กรณีเป็นไฟ AC วงจร Line Protection และแรงดันไฟสูงต้องพิจารณาแรงดั นไฟฟ้าด้วยเนื่องจากตัวต้ านทานมีค่าแรงดันสูงสุดที่ทนได้ เช่น ค่า Max. working Voltage , ค่า Max. Overload Volage และค่า Dielectric withstand Voltage ยกตัวอย่างค่าแรงดัน Max. working Voltage ของตัวต้านทานชนิดเมตัลฟิล์ม ขนาด 0.25W = 200V , 0.5W = 250V , 1W = 500V เป็นต้น
จะสังเกตว่าขนาดของ R และแรงดันไฟฟ้าที่ทนได้จะมี ความสัมพันธ์กัน ( ทำนองเดียวกันกับค่าวัตต์ R ตัวใหญ่วัตต์จะสูง) วงจรส่วนที่เป็นไฟ AC ต้องพิจารณาค่าแรงดันไฟฟ้าที่ R ทนได้ด้วยเพื่อให้อายุการใช้ งานของ R ยาวนาน จากเอกสารของผู้ผลิตตัวต้ านทานพบว่าค่าแรงดันต่างๆของ R แต่ละชนิดจะมีค่าไม่เท่ากัน ตัวต้านทานชนิดเมตัลฟิล์ มและคาร์บอนฟิล์มมีค่าแรงดันที ทนได้ไม่ต่างกันมากนัก ค่าแรงดันเหล่านี้เช็คได้จาก Datasheet ของ R ปกติแล้วตัวต้านทานชนิดทนความร้ อน ( Metal oxide Film )และตัวต้านทานชนิดไวร์วาวด์ จะมีค่าพิกัดทนแรงดันถึง ระดับ KV และตัวต้านทานชนิด Thick Film ทนแรงดัน AC ได้ดีจึงนิยมใช้กับวงจรที่เป็ นไฟ AC ส่วนตัวต้านทานชนิด Thin Film ไม่เหมาะกับวงจรไฟ AC
4) กำลังไฟฟ้าหรือวัตต์ วัตต์ของตัวต้านทานที่ระบุไว้ เช่น ค่า 1W มีความหมายว่าที่อุณหภูมิทดสอบ 25 °C ตัวต้านทานนั้นจะมีค่า 1W
เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นค่าวัตต์นี้ จะลดลง ที่อุณหภูมิประมาณ 70 °C ค่าวัตต์จะเริ่มลดลง และที่ 100 °C ค่าวัตต์นี้จะลดลงมากเหลื อแค่ประมาณ 0.6 วัตต์ หลักในการเลือกกำลังไฟฟ้าหรื อวัตต์ของ R คือเลือกให้สูงกว่าค่าที่คำนวณไ ด้เพื่อยืดอายุการใช้งานของ R เช่นค่า 1W จะใช้งานจริงแค่ 60-70 % หรือ 0.6W-0.7W ห้ามใช้ค่าเกิน 80% เพราะทำให้อายุใช้งานของ R สั้นหรือเสียเร็ว อันเนื่องจากอิทธิพลของอุณหภูมิ และแรงดัน ( Voltage Stress ) อธิบายเพิ่มเติม ตามคำนวณต้องใช้ R 1 วัตต์ในการเลือกใช้จริงให้ใช้ค่ า 1.5W หรือ 2W ( 1.5W x 60% = 0.9W )
ใน Datasheet ของ R จะใช้คำว่า Power Derating แปลว่าการลดพิกัดกำลังไฟฟ้าเมื่ ออุณภูมิสูงขึ้น
5) ค่าความต้านทาน หาได้จากการคำนวณตามกฏของโอห์ ม R = V/I อย่าลืมว่าค่าความต้านทานสู งๆจะกำเนิดสัญญาณรบกวนมากกว่าค่ าความต้านทานต่ำ ให้พิจารณความเสถียรของค่ าความต้านทานนี้ด้วยว่าใน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี ค่า R จะเปลี่ยนไปจากค่าเดิมมากแค่ ไหนและการเปลี่ยนแปลงความต้ านทานนี้ทำให้วงจรทำงานผิดปกติ หรือไม่ วงจรที่เน้นความความน่าเชื่อถื อสูงและความผิดพลาดยอมรับไม่ได้ ต้องเลือก R ชนิดที่มีค่าเสถียรในระยะยาว เช่น ตัวต้านทานชนิดเมตัลฟิล์มเที่ ยงตรงสูง ( Precision metal Film resistor) , ตัวต้านทานไวร์วาวด์เที่ยงตรงสู ง (มีค่าคลาดเคลื่อนน้อยระดับ 0.1% 0.25% 0.5% ) เป็นต้น
ุ6) % คลาดเคลื่อน ค่า % คลาดเคลื่อนของ R มีหลายระดับ ±0.1% ±0.25% ±0.5% ±1% ±5% ±10% และ ±20% วงจรที่เน้นค่าไฟต้องนิ่ งและตรง เช่น วงจร Feedback วงจรป้องกัน วงจรเครื่องมือวัด วงจรกำหนดเวลาและความถี่ เป็นต้นต้องใช้ 0.1% 0.25% 0.5% 1% คนออกแบบวงจรเป็นคนเลือกระดับคล าดเคลื่อนที่ยอมรับได้ว่าไม่เกิ นกี่ %
7) อุณหภูมิ อุณหภูมิทำให้ค่ าความต้านทานเปลี่ยนไป ค่า R จะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนขึ้นอยู่กั บชนิดของวัสดุที่ใช้ทำ R ความสัมพันธ์ระหว่างค่าความต้ านทานที่เปลี่ยนไปเมื่ออุณหภูมิ เปลี่ยนไปนิยมระบุเป็น ppm / °C โดย ppm = part per million ค่านี้มีผลต่อความเสถี ยรของวงจรในระยะยาว ต้องพิจารณาตลอดอายุการใช้ งานของอุปกรณ์ว่าอุณหภูมิทำให้ ค่า R เปลี่ยนไปมากแค่ไหนและค่าเท่ าไหร่ที่ยอมรับได้ ค่า ppm / °C นี้ยิ่งน้อยยิ่งดี เช่น ±10ppm/°C ±15ppm/°C ±50ppm/°C ±100ppm/°C ±200ppm/°C ±300ppm/°C ±350ppm/°C เป็นต้น เมื่อกระแสไหลผ่านตัวต้ านทานจะเกิดความสูญเสียและเกิ ดความร้อนที่ตัวต้านทาน อุณหภูมิที่แวดล้อมตัวต้านทานมี ผลต่อการระบายถ่ายเทความร้อนของ R อีกประเด็นเรื่องอุณหภูมิที่ เกี่ยวข้องกับ R คือค่าอุณหภูมิสูงสุดที่ R ทนได้ การใช้งานต้องไม่เกินค่าสูงสุ ดนี้ ตัวต้านทานชนิดไวร์วาวด์ และตัวต้านทานชนิด Metal Oxide จะทนความร้อนได้สูงประมาณ 350-450°C ( ขนาดเล็ก 155 °C ) ตัวต้านทานชนิดเมตัลฟิล์มประมาณ 230°C-300°C หรือบางผู้ผลิต 125°C หรือ 155°C ขึ้นอยู่กับผู้ผลิต ตัวต้ านทานชนิดคาร์บอนฟิล์มประมาณ 1 55°C วงจรที่มีความร้อนจะใช้ตัวต้ านทานชนิดไวร์วาวด์และตัวต้ านทานชนิด Metal Oxide ตัวต้านทานชนิด Metal Oxide ( นิยมเรียกในตลาดว่าตัวต้านทานทน ความร้อน) ซึ่งนิยมใช้งานแทนตัวต้านทานชนิ ดไวร์วาวด์เนื่องจากเมื่อเทียบร าคาต่อวัตต์แล้วมีราคาถูกกว่าเนื่ องจากกระบวนการผลิตเป็นแบบฟิล์ มซึ่งง่ายกว่าการผลิตแบบไวร์วาว ด์
8) สภาพแวดล้อมของวงจร อุณหภูมิ ความชื้นและพื้นที่ครอบปิดมีผลต่ อการระบายความร้อน สิ่งเหล่านี้ต้องนำมาพิ จารณาเพราะมีผลต่อการทำงานของ R ตัวต้านทานชนิดผงคาร์บอนจะไวต่ อความชื้นคือมันดูดซับความซื้น ตัวต้านทานหลายชนิดหุ้มปิดอย่ างดีเพื่อป้องกันชิ้นส่วนด้ านในที่เป็นวัสดุกำหนดความต้ านทาน ต้องพิจารณาว่าสภาพแวดล้ อมการใช้งานอะไรที่มีผลต่อค่า R มาก จากนั้นหาทางป้องกันไว้ก่อนตั้ งแต่ออกแบบวงจร
9) เหมาะกับวงจรพัลซ์หรือไม่ ? กรณีใช้ R กับไฟ รูปคลื่นพัลซ์ ( Repetive Pulse) การคำนวณปริมาณพลังงานความร้ อนและกำลังไฟฟ้าต้องได้รั บการคำนวณเพื่อให้ไม่เกินค่าที่ R ทนได้ พลังงานจากวงจรพัลซ์จะมากกว่ าพลังงานของวงจรทั่วไป ปกติแล้วตัวต้านทานชนิดผงคาร์ บอนและคาร์บอนฟิล์มจะทนพลั งงานรูปคลื่นพัลซ์ได้ดีกว่าตั วต้านทานชนิดเมตัลฟิล์ม และตัวต้านทานชนิดไวร์วาวด์และ Metal Oxide ( ตัวต้านทานทนความร้อน) ทนพลังงานพัลซ์ได้ดีจึงนิยมใช้ กับพัลซ์ ต้องพิจารณาลักษณะกระแสและแรงดั นว่าเป็นพัลซ์หรือไม่ ? เลือก R ที่มีคุณสมบัติเหมาะกับวงจรพั ลซ์ปกติจะระบุคุณสมบัติของ R ไว้ใน Datasheet ว่าเหมาะกับพัลซ์
10 ) ข้อกำหนดอื่ นๆตามมาตรฐานกำหนดไว้ หรือคนใช้งานต้องการเป็นพิเศษ หลังจากพิจารณาตามหลักการเลือกตั วต้านทานทั่วไปแล้ว บางครั้งยังมีข้อกำหนดอื่นๆเพิ่ ม เช่น ตัวต้านทานเมื่อร้อนสุ ดๆต้องไม่ลุกเป็นเปลวไฟหรื อลามไฟ ( ปกติคุณบัตินี้ระบุไว้ใน Datasheet ) ความแข็งแรงทางกลของ R หลักการเกี่ยวกับความปลอดภัย Fail Safe เมื่อวงจรทำงานผิดปกติต้องไม่มี อันตรายใดๆต่ออุปกรณ์และคนใช้งา น หลักการเกียวกับ EMI การก่อสัญญาณรบกวนและการทนสัญญา ณรบกวน ทน ESD ได้ เป็นต้น
20 เรื่องน่ารู้ การเทียบเบอร์ อะไหล่อิเล็กทรอนิ กส์
รวมไว้ที่นี้ > อ่านที่เว็บนี้
เรียนรู้เบอร์อะไหล่ เพื่อสังเกตว่าเบอร์ขึ้นต้นแบบนี้เป็นอุปกรณ์ชนิดอะไร ?
โดยจัดเป็นหมวดหมู่ แบ่งเป็นหมวดหมู่ เช่น ไดโอด มี 17 เรื่องให้อ่าน เป็นต้น
เลือก ดูรายการต่อไปนี้